วัฒนธรรมการกินอาหารของคน
ภาคกลาง
ภาคกลางเป็นเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำ
เหมาะแก่การเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์
ข้าวปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้งปี
จึงถือได้ว่าเป็นดินแดนซึ่งอุดมสมบูรณ์มากที่สุดในประเทศไทย
สมัยก่อนภาคกลางเป็นศูนย์กลางค้าขายสำคัญของประเทศไทย มีการติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติอยู่ตลอด
จึงได้รับวัฒนธรรมการกินของชาติต่างๆเข้ามาด้วย เช่นเครื่องแกงกะทิ
ได้รับมาจากชาวฮินดู อาหารประเภทต้ม ผัด
ได้รับจากชาวจีนผู้เข้ามาติดต่อค้าขายทางเรือสำเภา
แม้กระทั่งขนมหวานที่มีไข่และแป้งเป็นส่วนผสม ก็ได้รับการสืบทอดมาจากชาวตะวันตกเช่นเดียวกัน
ซึ่งคนไทยได้นำสูตรอาหารต่างๆ มาประยุกต์ทำรับประทานในครัวเรือน
โดยปรับเปลี่ยนวัตถุดิบที่หาได้ง่ายในประเทศมาใช้แทนกัน
และเผยแพร่ในเวลาต่อมาจนเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยจวบจนปัจจุบัน ด้วยความหลากหลายนี้เอง
จึงส่งผลให้รสชาติอาหารภาคกลางไม่เน้นหนักไปทางใดทางหนึ่ง
โดยทั่วไปจะรับประทานรสกลมกล่อม ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม
รวมถึงความจัดจ้านของพริกคลุกเคล้ากันไปตามแต่ชนิดของอาหาร
คนภาคกลางนิยมรับประทานข้าวเจ้าเป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นข้าวขาวหอมมะลิ ข้าวธรรมดา (ข้าวเสาไห้) ข้าวกล้อง ข้าวกล้องหอมมะลิ ในการหุงข้าวเจ้าแต่ละชนิด
อัตราส่วนของน้ำ : ข้าวสาร
จึงแตกต่างกันไปตามปริมาณเส้นใยอาหารที่มีอยู่ในข้าวนั้นๆ
วิธีการหุงข้าวเจ้า
ปัจจุบันมีผู้คิดค้นผลิตหม้อหุงข้าวไฟฟ้าขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวก
เหมาะกับครอบครัวที่นิยมทำอาหารรับประทานเองโดยหลักการทำให้ข้าวสุกนั้นเหมือนกับการหุงข้าวแบบไม่เช็ดน้ำในสมัยก่อน
อีกทั้งยังรักษาคุณค่าทางอาหารไว้ได้อย่างดีอีกด้วยซึ่งได้ยกตัวอย่างการหุงข้าวเจ้าต่าง
ๆ ไว้ดังนี้
-
ข้าวหอมมะลิ ใช้ข้าวสาร 2 ถ้วย : น้ำ 2 ½ ถ้วย
-
ข้าวขาวธรรมดา ใช้ข้าวสาร
2 ถ้วย : น้ำ 3 ถ้วย
-
ข้าวกล้องหอมมะลิ ใช้ข้าวสาร 2 ถ้วย : น้ำ 4 ถ้วย
-
ข้าวกล้องธรรมดา ใช้ข้าวสาร
2 ถ้วย : น้ำ 5 ถ้วย
สำหรับผู้ที่ไม่ชอบรับประทานข้าวกล้องเพียงอย่างเดียว
สามารถนำข้าวขาวมาผสมโดยใช้ปริมาณข้าวสาร 1
ถ้วย ใส่รวมกับข้าวกล้อง 1 ถ้วย แล้วเติมน้ำเปล่าลงไป 4 ถ้วย นำไปหุงในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าตามปกติ
ก็จะได้ข้าวสวยที่หอมนุ่ม น่ารับประทาน
อีกทั้งยังได้คุณค่าของเส้นใยอาหารที่มีมากในข้าวกล้องอีกด้วย
เครื่องแนมที่คนภาคกลางนิยมรับประทานกับแกงต่างๆ
ได้แก่
ปลาเค็ม คือ ปลาที่หมักกับเกลือ
ตากแดดให้แห้ง นำมาทอดหรือยำ
รับประทานกับแกงส้มหรือแกงชนิดอื่น จะช่วยเน้นรสชาติของอาหารให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
เนื้อเค็ม-หมูเค็ม คือ
เนื้อวัวหรือเนื้อหมูที่แล่ให้เป็นชิ้นบาง หมักกับเกลือ ผึ่งแดดให้แห้ง
นำมาทอดหรือย่าง แล้วรับประทานกับแกงต่างๆเช่นเดียวกับปลาเค็ม
ปลาสลิดเค็ม คือ การนำปลาสลิดมาตัดหัวแล้วควักไส้ออก
หมักกับเกลือ ผึ่งแดดให้แห้ง นำมาทอดหรือย่าง แล้วรับประทานกับแกงหรือน้ำพริกต่าง
ๆ เพื่อช่วยลดความเผ็ดของอาหาร อีกทั้งเพิ่มความกลมกล่อมของรสชาติ
ไข่เค็ม คือ ไข่เป็ดที่ดองกับน้ำเกลือหรือพอกกับแกลบและขี้เถ้าผสมเกลือ นานประมาณ 15 วัน เพื่อให้มีรสเค็ม
จากนั้นนำมาต้ม นึ่งหรือทอดให้สุก รับประทานกับน้ำพริกหรือแกงต่างๆ
ผักดองต่างๆ นิยมนำมารับประทานแนมกับอาหารเพื่อลดความเลี่ยน
เช่น หอมเล็กดอง ขิงดอง หัวไชเท้าดองสามรส แตงกวาดอง เป็นต้น
หนังสืออาหารไทย 4 ภาค พิมพ์ครั้งที่ 3 ผู้แต่ง อมรินทร์ Cuisine หน้าที่ 8 และ 9
หนังสืออาหารไทย 4 ภาค พิมพ์ครั้งที่ 3 ผู้แต่ง อมรินทร์ Cuisine หน้าที่ 8 และ 9
***********************************
-------------------------------------------------------------------------------------------------
แกงเผ็ดเป็ดย่าง
ส่วนผสม
-
เป็ดย่างแล่เฉพาะเนื้อหั่นชิ้นพอคำ ½ ตัว
-
สับปะรดหั่นชิ้นพอคำ 1 ½ ถ้วย
-
มะเขือเทศลูกเล็กผ่าครึ่ง 1 ถ้วย
-
น้ำพริกแกงเผ็ด ¼
ถ้วย
-
หัวกะทิ 1 ถ้วย
-
หางกะทิ 2
ถ้วย
-
น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำตาลปี๊บ 1-2
ช้อนโต๊ะ
-
ใบมะกรูดฉีก 3-4
ใบ
-
พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 1-2
เม็ด
วิธีทำ
1.
ผัดน้ำพริกแกงกับหัวกะทิให้แตกมัน ใส่เนื้อเป็ดลงผัดพอเข้ากัน
2.
ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊ป
ตักส่วนผสมที่ผัดไว้ลงในหม้อหางกะทิ ตั้งไฟจนเดือน
3.
ใส่สับปะรด
มะเขือเทศ พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูดลงไป
คนให้เข้ากัน โรยใบโหรพา
แล้วยกลงจากเตา ตักเสิร์ฟได้ทันที
หนังสืออาหารไทย 4 ภาค พิมพ์ครั้งที่ 3 ผู้แต่ง อมรินทร์ Cuisine หน้าที่ 20
หนังสืออาหารไทย 4 ภาค พิมพ์ครั้งที่ 3 ผู้แต่ง อมรินทร์ Cuisine หน้าที่ 20
***********************************
-------------------------------------------------------------------------------------------------------
สะเดา น้ำปลาหวาน
ส่วนผสม
-
กุ้งแม่น้ำย่าง 5-6
ตัว
-
น้ำตาลปี๊ป ½ ถ้วย
-
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
-
น้ำมะขามเปียก ½ ถ้วย
-
หอมเล็กเจียว ¼ ถ้วย
-
พริกขี้หนูแห้งทอดตามชอบ
-
ยอดสะเดาสดหรือลวกตามชอบ
วิธีทำ
เคี่ยวน้ำตาลปี๊ปด้วยไฟอ่อนจนละลายใส่น้ำมะขามเปียกและน้ำปลาลงไปคนให้เข้ากันเคี่ยวต่อจนเหนียวเป็นยางมะตูม พักพออุ่นตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหอมเล็กเจียวและพริกทอด
รับประทานกับกุ้งย่าง
สะเดาสดหรือลวกตามใจชอบ
หนังสืออาหารไทย 4 ภาค พิมพ์ครั้งที่ 3 ผู้แต่ง อมรินทร์ Cuisine
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น